วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เมืองพระนคร

ผมเดินอยู่บนแผ่นหินที่ปูลาดทางเดินสู่ปราสาทแห่งเมืองพระนคร

ผ่านมานับพันปี ผมนึกถึงจุดหมายในการสร้างเมืองใหญ่ ศาสนสถานมากมายเหล่านี้

เหตุใดการก่อสร้าง ปราสาทยิ่งใหญ่ รูปเคารพอลังการ จึงจะทำให้เราเข้าใกล้พระเป็นเจ้าได้

ประวัติศาสตร์ ปรัชญา โบราณคดี ก็เป็นแค่ทฤษฎี

ไม่มีสิ่งใดอาจท้าทายกาลเวลา

ความเสื่อมโทรม สูญสลายย่อมเดินทางมาถึงอย่างเที่ยงแท้


ผม และปราสาท กำลังเดินตามกงล้อแห่งกาลเวลา ไปสู่จุดจบ ในวันหนึ่ง เช่นกัน

แม้ความหมาย และปลายทางของชีวิต จะเป็นดั่งปริศนาแห่งเมืองพระนครแห่ง ที่ยังไม่อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ ไม่อาจเป็นที่พึ่งให้เราได้ทั้งหมด


ฤา ศาสนา ความเชื่อ จะเป็นคำตอบ


ช่างไม่ต่างกัน ในความรู้สึกของผม ไม่ว่าจะกี่พันปี กระทั่งปัจจุบัน

ผมคิด

ผมรู้สึก

ผมเชื่อว่า

ผมกำลังเดินทาง ค้นหาจุดมุ่งหมาย สู่ที่พัก … บ้านหลังสุดท้าย


ก้อนดินที่ถูกทุบ ปั้น และเผาจนกลายเป็นอิฐ

หินทรายที่ถูกคัด ตัด ชักลากจากป่าสู่เมือง

วาง เรียง ก่อ เป็นปราสาทยิ่งใหญ่

เจาะ สะกัด สลักเสลา เป็นลวดลายเรื่องราว อันตระการตา


ชีวิตคนย่อมต้องผ่านร้อนหนาว อุปสรรค

ผ่านความทุกข์ท้อ ให้ต้องอดทน พากเพียร เรียนรู้ ขัดเกลา ชำระล้าง ปล่อยวาง ความหยาบกระด้าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนจิตใจอ่อนโยน ละเอียดอ่อน

แม้วันหนึ่งเมื่อกาลเวลามาถึง

ปราสาทอิฐหิน วัตถุธาตุ จะผุพังล่มสลาย

แต่ทิพยวิมานแห่งเรือนใจอัน อันปรานีต จะเป็นที่พักสุดท้ายอันสงบสุขของชีวิต


ผมยังคงเดินฝ่าไอแดด และร่มเงา

ผ่านหมู่ปราสาทที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองพระนคร

แม้ผ่านมานับพันปี

ผมนึกสงสัยในใจว่า

ผมคงมีความผูกพันธ์กับที่แห่งนี้ จึงได้กลับมาเยือนอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หรืออาจ เป็นจุดหมาย ของผู้มีศรัทธา

สักวันหนึ่ง

เราจะไปถึงบ้านหลังสุดท้าย

เมื่อสิ้นสุดการท่องเที่ยวเสาะแสวงหา มาแสนนาน

บ้านหลังนั้น มีอยู่จริง

เราจะไปถึงได้ ในสักวัน

ผมเชื่อเช่นนั้น

---------------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น