อยากเล่าความรู้สึก ที่แท้จริงในการเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานให้ฟัง เราแทบไม่กล้าบอกใครว่าเราเฉย ๆ กับทุก ๆ สถานที่ที่ไปเยือน ไม่ว่าจะเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ เชตวันมหาวิหาร มูลคันธกุฎี วัดเวฬุวัน สถูปปฐมเทศนาสารนารถ หรือสวนลุมพินีวัน ไม่มีแม้แต่ปีติ หรือสัมผัสทางจิต ทางกายใด ๆ เลย น้ำตาสักหยดก็ไม่มี ไม่ทราบซึ้งแต่อย่างใด เราแปลกใจตัวเองมาก การมาที่นี่ไม่ได้ทำให้เราศรัทธามากขึ้นแต่อย่างใด เรากลับเห็นการหลั่งไหล กราบไหว้ด้วยอัษฎางคประดิษฐ์ของชาวธิเบต เครื่องเซ่นไหว้บูชาวิจิตรลำ้ค่ำของชาวไทย การสวดมนต์อ้อนวอนต่าง ๆ นานา ของชาวพุทธหลากสัญชาติ เหมือนละครฉากหนึ่ง เหมือนเด็กเล่นสมมติกัน เราเห็นว่าการที่คนไทยทำบาตร และตาลปัตรทองคำฝังเพชรแท้ ถวายพระพุทธเมตตาที่พุทธคยา และการหอบหิ้วผ้าสีกรักมาห่มพระพุทธรูปและต้นโพธิ์นั้น ไม่เห็นได้ประโยชน์อันใด เราเกือบจะคิดว่านี่เราเสื่อมถอยจากฌานและปีติ อันเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตให้เบิกบานแช่มชื่น เป็นเครื่องรักษาศรัทธาในพระศาสนาของเรา สิ้นไปหมดแล้วหรือ เราไม่ได้อะไรเลย กลับไปด้วยความแห้งแล้ง เฉย ๆ และขาดทุนเสียเปล่า
เราถามตัวเองว่ายังเคารพในพระพุทธเจ้าอยู่หรือไม่ พระธรรมยังเป็นอมตะและซาบซึ้งใจสำหรับเราไหม พระอริยสงฆ์เรายังนอบน้อมอยู่มั๊ย ก็พบว่า เรายังเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง การมาเห็นหลักฐานว่า พระพุทธองค์เคยดำรงพระชนม์อยู่จริง ณ สถานที่เหล่านี้ ไม่ได้ทำให้ศรัทธาของเราเพิ่มขึ้น เนื่องด้วยศรัทธานั้นเต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว พระธรรมคำสอนก็ยังรักษาจิตของเราให้ชุ่มเย็นมาตลอด เที่ยงแท้ไม่เปลี่ยนแปรไปเลย พระอริยสงฆ์ที่เราเคารพกราบไหว้ รักอย่างสุดหัวใจ ก็คือพ่อแม่ครูอาจารย์หลาย ๆ รูปที่เมืองไทย
การมาเยือนสังเวชนีย์ครั้งนี้ กระทำคุณให้เราเห็นความงมงาย เย่อหย่ิง ยึดมั่นของคนอีกมากที่คิดว่า เมื่อได้จาริกตามรอยบาทพระศาสดาถึงอินเดีย ตายไปย่อมพ้นอบาย เห็นการบูชาด้วยอามิสอย่างไม่ลืมหูลืมตา เห็นคนแย่งกันเก็บใบโพธิ์ไปบูชาด้วยคิดว่าล้ำค่าศักดิ์สิทธิ์ การเห็นที่ก่อให้เกิดธรรมสังเวชมากที่สุดคือสมมติสงฆ์ที่ทำมาหากินกับคณะผู้เดินทาง เป็นนายหน้า ขายพระ ขายบุญ ขายยา ขายของ เรี่ยไร ตำหนิ ติเตียน กล่าวโทษ ตัดศรัทธาของผู้อื่น
อะไรที่มันเกินงาม เกินพอดี ย่อมไม่ดีเป็นแน่
การมาเยือนครั้งนี้ กระทำคุณให้เราเห็นอีกว่า ต้นโพธิ์ก็คือต้นไม้ ดินก็คือดิน พระพุทธรูปไม่ว่าที่ไหน ๆ ก็คืออิฐ หิน ทราย ทอง เหล็ก และสี จะกราบไหว้บูชาด้วยอามิสสักเท่าไหร่ ย่อมได้ผลเพียงอามิส การปฏิบัติบูชาด้วยการทำจิตให้สงบ เข้าถึงพระรัตนตรัย อยู่ที่ไหนก็กระทำได้ ไม่ต้องทนหนาว ตรากตรำ ลำบากกาย ได้เห็นชาวไทยพุทธ พระและวัดไทยที่อินเดีย ลำพองตนว่าดีกว่า เลิศกว่าคนอื่นที่เมืองไทย อยู่ใกล้พระบรมศาสดามากกว่า แล้วเศร้าใจนัก เห็นพระเรียนหนังสือแล้วย่ิงผะอืดผะอม พระพุทธเจ้าให้ท่านบวชมากระทำพระนิพพานให้แจ้ง ปฏิบัติกิจของสงฆ์เพื่อละ ไม่ใช่เรียนเพื่อสะสม นิยมวุฒิการศึกษา ลาภสักการะ ชื่อเสียง ความเจริญก้าวตามทางโลก
ถามว่าชอบสังเวชนียสถาานมั๊ย ก็ชอบนะ ก่อให้เกิดธรรมสังเวช เครื่องเตือนใจเรา จะจริงจังอะไรกันนักหนาว่า นี่ต้นโพธิ์ต้นที่สี่ เป็นเพียงหน่อต้นโพธิ์ธรรมดา มิใช้ต้นเดิมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จะอะไรนักหนาว่าต้นแท้ หน่อจริงอยู่ที่เมืองลังกาและอานันทโพธิ์ที่เชตวัน จะต้องดั้นด้น ดิ้นรน มากราบไหว้ทุก ๆ ปี ให้ลำบาก หวังสั่งสมบุญบารมีกันทำไม
อยากกลับมาอีก ทำใจให้โปร่งโล่ง ผ่องใสกว่านี้ มาด้วยตัวเอง รู้ดีว่าเรายังติดใจกรอบที่คนอื่นกำหนดอยู่เช่นกัน จิตใจก็ยังคับแคบติเตียนผู้อื่นอยู่ จึงคงไม่ดีแน่ถ้าจะสมาคมกับคนหมู่ใหญ่ ยังมีหลายสิ่งท่ีคาใจ
เหล่านี้กระมังที่เป็นข้อคิด ประโยชน์ที่เราได้จากสังวเชนียบูชา
ชอบบทความนี้ ... อยากลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ตอบลบมีคุณลุงคนหนึ่งให้ทัศนะว่า สนามพลังนั้นมีอยู่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่พันปี แต่เป็นเพราะเครื่องรับของเรา(ในตัวเรา) เทคโนโลยียังไม่สมบูรณ์นัก ที่จะรับคลื่น, แรงสั่นสะเทือน, อนุภาค จากสนามพลัง ...กลายเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ไปเสียได้อย่างไร?
ต้องทำใจนะ ทุกศาสนาต้องมี พิธีกรรม เพื่อยึดเหนี่ยวและทำให้เกิด เอกลักษณ์เฉพาะแต่ละศาสนา บางศาสนากิจก็ไร้ซึ่งเหตุผลในการนำมาปฏิบัติ
ตอบลบชอบบทความนี้ค่ะ ความคิดคล้ายกัน
ตอบลบ