เขียน: เชอร์วูด แอนเดอร์สัน
แปล: ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล
สนพ.: สมมติ
ปีพิมพ์: 2552
หากหน้าต่างห้องนอนของคุณสูงเสียจนคุณมองเห็นต้นไม้ไม่ถนัดยามคุณตื่นนอนตอนเช้า คุณจะทำอย่างไร คุณจะเรียกช่างไม้มาต่อเติมเตียงนอนให้อยู่ในระดับหน้าต่าง หรือคุณจะขยายขอบหน้าต่างด้าน
ล่างให้ต่ำกว่าระดับเตียงนอน หรือจริงๆแล้ว คำถามเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญใดๆ กับชีวิตคุณเลย “อือ ก็อาจจะใช่” ใครบางคนคิด
แต่สำหรับนักเขียนชราแล้วเรื่องเตียงนอนสำคัญกับเขามาก เขานอนนิ่งแทบไม่ไหวติงอยู่บนเตียง หลายปีมาแล้วที่เขาถูกรบกวนด้วยเรื่องหัวใจที่เต้นอ่อนรัวเนื่องจากสูบจัด ยามเข้านอน ความคิดว่าตัวเองอาจตายลงในทันใดจะผุดขึ้นในใจเสมอ เขามิได้ตกใจกลัว แต่มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่อธิบายยาก มันทำให้ห้วงขณะที่เขาอยู่บนเตียงนอนมีชีวิตชีวากว่าเวลาใดๆ ครั้งนั้นช่างไม้แนะนำให้เขายกพื้นห้องเพื่อให้เตียงสูงขึ้น แต่ต่อมาช่างไม้ก็ต่อเติมไปตามวิธีของเขาทำให้นักเขียนในวัยล่วงหกสิบต้องช่วยตัวเองโดยใช้เก้าอี้ปีนขึ้นเตียงนอน และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่พอจะเข้าใจและยอมรับได้ของชาววิกลทั้งหลายในไวน์สเบิร์ก โอไฮโอ
เรื่องราวต่อมาเป็นเรื่องของวิง บิดเดิลโบม เจ้าของมือที่อยู่ไม่สุข มือคู่นั้นสร้างความกังวลใจไม่น้อยให้กับเจ้าของผู้ต้องการซ่อนมันให้พ้นสายตา เพราะมันมีที่มาจากความเข้าใจผิด บิดเดิลโบมเคยเป็นครูในเมืองเล็กๆ ในเพนซิลวาเนีย เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นเมื่อเด็กชายคนหนึ่งหลงรักครูหนุ่มและมีมโนภาพบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้จนกลายเป็นเรื่องเคลือบแคลงและโจษขานกันไปทั่ว เรื่องนี้ไม่เยิ่นเย้อ เมื่อเด็กชายที่หลงไปในภาพฝันทั้งหลายสารภาพไปว่าครูเอาแขนโอบผมไว้ ครูเอานิ้วลูบไล้เส้นผมของผม ภายใต้สัมผัสลูบไล้คือเรื่องน่าสงสัยว่าเด็กอาจมีสัมพันธ์ใจกับครูหนุ่ม ยังไม่ทันได้อธิบายเรื่องอันใด เขาก็ถูกเสือกไสสภาพปางตายออกจากเมือง และมือที่สั่นไม่หยุดก็คือที่มาของชื่อนี้ วิง บิดเดิลโบม
นอกจากเรื่องของ วิง บิดเดิลโบมแล้ว เรื่องของอลิซ ไฮน์แมน สาววัยยี่สิบเจ็ดที่ยึดมั่นนความรักที่มีต่อเน็ด เคอร์รี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เธอเฝ้าคอยและรอการกลับมาของคนรักทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาจากไปแล้วและคงไม่มีวันกลับมา เธอจมอยู่ในความเศร้านานหลายปี ที่น่าเศร้าที่สุดคือเธอหวาดกลัวสถานะอันโดดเดี่ยวและอ้างว้างในชีวิต แต่วันหนึ่งในคืนฝนพรำเมื่อความเศร้าและความเหงามันเหลือจะทนแล้ว อลิซได้ผจญกับเหตุการณ์ที่ทำเอาหล่อนอกสั่นและสับสน หล่อนเปลื้องผ้าในความมืด ฟังเสียงฝนกระทบบานกระจกและตกอยู่ในห้วงปรารถนาอันประหลาดล้ำโดยมิได้หยุดตึกตรองในสิ่งที่คิดจะทำ หล่อนวิ่งออกไปกลางสายฝนและอยากทำอะไรผาดแผลงด้วยการวิ่งเปลือยกายไปบนถนน หลายปีแล้วที่หล่อนไม่เคยเปี่ยมด้วยความรู้สึกเยาว์วัยและห้าวหาญเช่นนี้ หน้าบ้านมีชายคนหนึ่งกำลังเดินงกเงิ่นกลับบ้าน เธอร้องเรียกเขา แต่เขาเป็นชายแก่หูค่อนข้างหนวก เขายกมือป้องปากและตะโกน “อะไร? ว่าไงนะ?” อลิซทิ้งกายลงกับพื้น นอนตัวสั่น หล่อนรู้สึกกลัวจับจิตเมื่อคิดถึงสิ่งที่ทำลงไป เมื่อชายผู้นั้นลับไปแล้ว หล่อนได้แต่คลานไปตามพื้นหญ้ากลับเข้าบ้าน มือไม้สั่นระริก ซุกหน้ากับหมอนร้องคร่ำครวญด้วยความร้าวรานใจ หล่อนเริ่มคิดและพยายามฝืนตัวเองให้กล้าเผชิญกับความจริงที่ว่า มีคนมากมายที่อยู่และตายไปเพียงลำพังในไวน์สเบิร์ก โอไฮโอ แห่งนี้
ทุกชีวิตที่อยู่ในไวน์สเบิร์ก โอไฮโอ ล้วนแล้วแต่มีความรู้สึกนึกคิดและมีบุคลิกแปลกแยก คนใกล้ตัวกลายเป็นคนแปลกหน้า ทุกคนพยายามแสวงหาที่ทางสักแห่งให้ตัวเองได้อยู่อย่างไม่รู้สึกเป็นอื่น สถานที่พำนักที่เรียกว่า “บ้าน” กลับให้ความรู้สึกขาดไร้ ท้องฟ้าและป่าไพรกลับให้ความสุขใจ ความหวังเปี่ยมด้วยพลังศรัทธาและปลุกสัญชาตญาณเดิมให้กลับมาเผชิญ “ความจริง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น