วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผู้มีส่วนในพิธี

สายน้ำนครชัยศรีไหลเอื่อย ๆ ขึ้นเหนือในความรู้สึกของเขา กอผักตบชวาสีเขียวอวบลอยอ้อยอิ่งตามไปช้า ๆ บ่ายคล้อย กลางฤดูหนาวที่อากาศไม่ได้เย็นจัด ไม่ได้ชื้นแฉะ ต้นไม้ริมน้ำไม่ซีดหมองร่วงโรยจนเกินไป

เขาเหม่อมองออกไปไกล อย่างไร้จุดหมาย

“ ความรักก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง

ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด …

…. ”

เสียงทุ้ม ราบเรียบ ของศาสนาจารย์ ดึงเขากลับเข้ามาสู่พิธีตรงหน้า

สิบสองปีมาแล้วที่ เพื่อนสนิท ทั้งสองคนคบกันมา ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

เขาดีใจที่ได้รู้จักกับท้ังสอง เป็นทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมชั้น เรียน เล่น สุข ทุกข์ กิน นอน เที่ยว มาด้วยกัน อะไร ที่ทำให้คนทั้งสองเชื่อมั่น ในกันและกัน อยู่ร่วมกัน อดทนต่อกันและกัน มายาวนานได้ขนาดนี้ คนเราสามารถรักและยอมรับใครสักคน ได้มากกว่าตัวเองจริงหรือ

------------

สองสัปดาห์ก่อน เขาได้รับเชิญไปงานแต่งงานของเพื่อนผู้หญิงรุ่นพี่ท่านหนึ่ง

“แต่งตัวสบาย ๆ นะ เหมือนมาเที่ยวทะเล มาเล่นน้ำกันก่อนก็ได้ แล้วตอนค่ำ ๆ เอาเสื่อมาปู เหมือนมาปิกนิก กินข้าวด้วยกันนะ ”

รุ่นพี่พูดหนักแน่นจริงจัง ว่าจะจัดงานง่าย ๆ ริมทะเล กับเพื่อนหญิงของเธอ

“พ่อ แม่ หัวหน้าพี่เค้าเคารพในการตัดสินใจของพี่

พี่ก็อายุไม่น้อยแล้ว พี่เคยเจ็บปวด ล้มเหลวกับชีวิตคู่มาแล้ว

พี่ปิดตายหัวใจตัวเองมานาน จนมาพบพี่ปอนี่แหละ …

เขาเป็นคนที่พี่รู้สึกเป็นตัวของพี่เอง เวลาที่พี่อยู่กับเค้า

พี่รู้สึกรักตัวพี่เอง มีความสุขกับความเป็นตัวเอง เวลาที่พี่อยู่กับเค้า

พี่ปอ เป็นคนที่คอยดูแลอยู่เคียงข้างพี่เสมอ และคนสำคัญที่สุดในชีวิตพี่ ก็คือลูก

ลูกพี่เรียกเค้าว่าป๊าได้เต็มปาก และเค้ารักลูกพี่ได้เหมือนที่พี่รัก … ”

ในชีวิตคนคนหนึ่ง จะต้องการอะไรไปกว่านี้อีก … เขาคิดในใจ

“จริง ๆ แล้ว พี่ทำพิธีแต่งงานกับพี่ปอไปเมื่อเดือนที่แล้ว พี่อธิฐานขอให้ชีวิตคู่ของพี่กับเค้า เริ่มต้นอย่างถูกต้องตามศีลธรรม ประเพณี … พี่เป็นคนหัวโบราณและถือเรื่องอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง พี่ขออนุญาตพ่อกับแม่ ท่านก็ยินดี เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

เขาบ่นเสียดายที่ไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน

“ที่เราจัดเลี้ยง ก็เพราะพี่ปอเค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก ก็มาก พี่ไม่ต้องการงานใหญ่โตอะไรเลย แต่พี่ปอขอร้อง ว่าอยากจัดงานเพื่อบอกกล่าว เพื่อน ๆ ผู้หลักผู้ใหญ่และเพื่อเป็นเกียรติแก่พี่และพ่อกับแม่”

เป็นงานที่น่ารักอบอุ่นไปอีกแบบ ทะเลหน้าหนาว อากาศเย็นสบาย แต่งตัวเป็นกันเอง

แขกทุกคน ต่างต้องยิ้มเมื่อพิธีกรเล่าว่า พี่ปอสามารถเอาชนะใจรุ่นพี่ของเขา ก็เพราะท่องบทอาราธนาพระปริตรได้นั่นเอง

“ดิฉันถึงได้แน่ใจระดับหนึ่งว่า อย่างน้อย พี่ปอก็มีศีลธรรม เป็นคนดี รักษาสัญญากับดิฉันได้ ทำให้ดิฉันไว้ใจ และเชื่อใจ คิดว่าจะสามารถฝากชีวิตไว้กับพี่เขาได้ … ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะรักพี่เขาอีกนานเท่าไหร่ แต่ดิฉันจะรักเขาตราบจนลมหายใจสุดท้ายค่ะ ...”

เจ้าสาว กล่าวด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความปีติ

-------------

พิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

เขาค่อย ๆ เดินถือเทียนสีขาว ก้าวช้า ๆ ตามเสียงเพลง ผ่านแถวที่นั่งไปถึงหน้าแท่นบูชา ต่อไฟจากเทียนประธาน จุดเทียนประดับ ช้า ๆ ใจเย็น ๆ มองคู่ของเขาด้วย … ถ้าจุดไม่ติด ก็ไม่เป็นไร ทำท่าจุด แล้วก็กลับเข้าไปนั่งได้ …เขาท่องในใจอยู่เงียบ ๆ

ขบวนเจ้าสาว เดินตามเสียงเพลงช้า ๆ ทุกคนลุกขึ้นยืน และร่วมกันร้องเพลง

“จิตใจเบิกบานในวันแต่งงาน อัญเชิญพระคริสต์เสด็จลง ….

… จิตใจเบิกบาน … โปรดอวยพระพร ความรักทั้งสอง ไม่รู้จืดจาง … ”

เขานึกอยากให้ตัวเองร้องเพลงนี้ได้ และทำใจให้เบิกบานเหมือนคู่บ่าวสาว และญาติมิตร

แต่เรื่องเมื่อหลายเดือนก่อน ผุดขึ้นมารบกวนจิตใจเขาอีกครั้ง

' ผมเข้าใจความรู้สึกพี่ อย่าร้องไห้นะครับ

ผมเป็นแฟนพี่ไม่ได้จริงๆ ครับ …

ผมเป็นคริสเตียน ชีวิตผมมีพระเจ้าเป็นผู้นำทาง …'

เขาจำข้อความเหล่าในจดหมายจากเพื่อนชายรุ่นน้องได้ดี

' พี่อาจจะสงสัยว่า พระเจ้าเกี่ยวอะไรกับพี่และผมด้วย

ผมก็อธิบายให้พี่เข้าใจไม่ได้ แต่ผมเป็นแฟนพี่ไม่ได้จริง ๆ ครับ …'

ถึงแม้จะทำใจมาบ้างแล้ว ว่าเรื่องระหว่างเขาคงต้องลงเอยอย่างนี้

แต่เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมาย ก็ทำให้เขาเศร้าไปหลายวัน

' หลายวัน หลายเดือนที่ผ่านมา ผมอธิษฐานถึงพระเจ้า ว่าผมควรทำอย่างไรกับพี่ดี …

ในที่สุดพระเจ้าก็ให้คำตอบกับผมว่า จงเป็นเพื่อนที่ดีของพี่

ผมขอเป็นเพื่อน เป็นน้อง ที่พี่นึกถึงได้เสมอนะครับ …'

ตอนนั้น เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะดีใจหรือเสียใจกับเหตุผลดังกล่าว

เขาคงไม่มีวันเข้าใจได้จริง ๆ อย่างที่น้องชายคนนั้นบอกไว้

เรื่องระหว่างเขาสองคน เกี่ยวอะไรกับพระเจ้าด้วย

เขาเคยปรึกษาเพื่อนคริสเตียน ว่ามันผิดบาปร้ายแรงด้วยหรือ ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้ชายอีกคนหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจ

เขาได้รับคำตอบจากเพื่อนว่า คงไม่เกี่ยวอะไรกับความเป็นคริสเตียน น้องชายคนนั้น อาจไม่ได้ชอบเขา ...

ถ้าบอกกันตรง ๆ เขาอาจจะเจ็บปวดน้อยกว่าก็เป็นได้

เขาเคยอยากรู้ว่า จริง ๆ แล้วน้องเคยรู้สึกอะไรกับเขาบ้างไหม

เวลาหลายเดือนที่ได้คุยกัน รู้สึกดี ๆ ต่อกัน มันมีค่าอะไรบ้างไหม

แต่... ก็ช่างเถิด มันผ่านไปแล้ว

เขาซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกและหัวใจของเขาเอง เท่านั้นก็พอแล้ว

“ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ

และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสูญสิ้น ( 1 โครินธ์ 13:4-8 )”

เสียงทุ้มนุ่ม ราบเรียบ ของศาสนาจารย์ ดึงเขากลับมาสู่พิธีการอีกครั้ง

“การจุดเทียน … คู่สมรสรับเอาความสว่างจากพระองค์ และให้พระเจ้าหล่อหลอมชีวิตของทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป ...”

วันนี้ เขาภูมิใจที่ได้เป็นคนจุดเทียนในพิธีแต่งงานของเพื่อนสนิททั้งสองคน

แม้เขาจะไม่ใช่คนของพระคริสต์ แต่เขาก็เชื่อในความรักและพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า อย่างที่บ่าวสาวเชื่อ

“พี่ว่าเราทุกคนมีคู่แท้นะ สักวันหนึ่งเราก็จะพบเขาเอง”

เจ้าสาวของพี่ปอบอกกับเขาอย่างนั้น

ทุกมีสิทธิ์ที่จะเชื่อ และทำในสิ่งที่เราเชื่อ

อย่างน้อย เขาก็ได้ทำในสิ่งที่หัวใจต้องการ

เขาไม่มีอะไรติดค้างกับตัวเองอีกแล้ว

ดวงอาทิตย์ใกล้พลบ ส่องแสงสีส้มจาง ๆ ลอดกิ่งใบไม้ใหญ่ริมแม่น้ำนครชัยศรี

พิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการจบลงแล้ว

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความปีติยินดี เขาค่อย ๆ เดินตามคู่สามีภรรยา ไปบนสนามหญ้าโรยกลีบกุหลาบสีชมพู ญาติ พี่ น้อง และเพื่อน ๆ โปรยดอกไม้อวยพรให้ทั้งสองอย่างสนุกสนาน

แม้ตะวันจะลับฟ้า แต่งานเลี้ยงก็กำลังจะเริ่มต้น

เขาบอกกับตัวเองเช่นนั้น พยายามทำใจให้เบิกบาน

วารสารแสงเล็ก ๓

๒๗ ธค ๕๒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น