สวัสดีปีใหม่ครับ แฟน ๆ จุลสารแสงเล็กทุกท่าน
ปีใหม่ได้ไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนกันมาบ้าง สำหรับผมเอง ได้ไปเคาท์ดาวน์ที่หอนาฬิกาเชียงราย สถานที่เคาท์ดาวน์ฮอตฮิตปีนี้ของจังหวัดเชียงรายครับ
พลุแตกตัวอย่างสวยงาม ในคืนส่งท้ายปี ที่เชียงราย
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานเบิกบานใจ และหอนาฬิกาสลับสี ที่มีพลุระเบิดบนฟ้าถี่ยิบ ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่ใช่เล่น
นับเป็นความฉลาดของคนคิด ที่เลือกเอาสถานที่ตรงหอนาฬิกา เป็นสถานที่เคาท์ดาวน์ เพราะถึงตรงนี้ไม่ใช่ศูนย์กลางของเมือง
แต่ก็เหมือนจะใช่เข้าไปทุกทีแหละ ในเมื่อคนในจังหวัดและนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดมักจะแวะมายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อดูหอนาฬิกาเปลี่ยนสี และฟังเพลงเชียงรายรำลึกในเวลาสองหรือสามทุ่ม
หอนาฬิกาเปลี่ยนสี จุดดึงดูดนักท่องเที่ยว
เหตุผลแรกสุดเลย ผมคิดว่าหอนาฬิกาเดิมนั้น เป็นมรดกตกทอดที่ควรได้รับความเคารพ เพราะสร้างมาโดยคนรุ่นก่อน
แต่แล้ววันดีคืนดี ผู้มีอำนาจก็มีความเห็นว่ามันไม่ยิ่งใหญ่พอ เลยทุบทำลายไม่เหลือซาก แล้วสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ขึ้นมา ที่ไม่มีรากฐานจากของเดิมเลย
ผมคิดว่ามีคนจำนวนไม่ใช่น้อย ที่รู้สึกเสียดายของเก่า เหมือนผม
...
บางที เราไม่ได้ต้องการได้อะไรที่ยิ่งใหญ่อยู่ตลอดเวลาหรอกครับ
เหตุผลที่สอง ผมคิดว่าสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สีทองแสบสัน และลายกนกคมกริบ ชดช้อยไปมา ยืนเด่นท่ามกลางตึกแถวเป็นแท่งทื่อ ๆ อยู่รายรอบ
มันค่อนข้างอยู่ผิดที่ผิดทางอยู่สักหน่อย วัตถุชิ้นนี้ควรจะอยู่ในวัด ในเขตขันธสีมา หรือในสภาพแวดล้อมที่มีสไตล์ใกล้เคียงกัน จะดีที่สุด
ถ้าหากยังนึกไม่ออก ว่าสถาปัตยกรรมแห่งความกลมกลืนเป็นยังไง
ก็ลองนึกถึง อาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมศิลปลายไทยประยุกต์ บนถนนราชดำเนิน ที่กรุงเทพฯ เป็นตัวอย่าง
ถนนราชดำเนินกลางในยามค่ำ ความสมมาตรที่ลงตัว
ทั้งหมดสอคคล้องต้องกัน และก่อเกิดเป็นความงาม
มิพักต้องพูดถึงความปลอดภัยของการสัญจรบนท้องถนน เห็นวัตถุแหลม ๆ รอบตัวของมันแล้ว หวาดเสียวแทนนักซิ่งและเด็กซน ๆ
เหตุผลที่สาม ซึ่งผมขอคิดให้ลึกสักนิด ก็คือ
ผมคิดว่าแนวคิดของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ที่ต้องการสื่อปรัชญาของพุทธศาสนา จากองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมและชิ้นส่วนกลไกต่าง ๆ
เช่น ดอกบัว ที่แทนการหลุดพ้นก็ดี การตื่นและเบิกบานก็ดี
กลับก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปรัชญาเสียเปล่า ๆ
อย่าลืมนะครับ ว่าพุทธศาสนาเป็นธรรมะที่ไม่ขึ้นกับเวลา ที่ภาษาบาลีใช้ว่า "อกาลิโก"
ไม่ใช่ยุคสมัยใด เวลาผ่านไปนานเท่าใด ธรรมะก็คงอยู่อย่างนั้น ไม่มีเปลี่ยนแปลง
การเอาเรือนนาฬิกามาผนวกกับศิลปะ ที่ผู้สร้างแสดงเจตจำนงค์ถึงความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนานั้น เหมือนลดราคาพุทธศาสนาลงมา เท่าสินค้าแบกะดิน
หลายท่านคงขำก๊าก ว่าเล็กหมีพูห์คิดมากไปป่าว จะเอาอะไรกับหอนาฬิกาอันเดียว
ไม่เป็นไรครับ อย่างที่บอกว่า ขอคิดมากสักนิด แต่เหตุผลจะชี้แจงในบรรทัดถัดไป
"เวลา" เป็นสิ่งที่คนเราสมัยนี้คุ้นเคยครับ
แต่ในวิถีดำรงชีวิตของคนยุคก่อน เรื่องเวลาไม่ใช่เรื่องใหญ่
และไม่ได้เข้ามาเร่งรัดคน เหมือนเดี๋ยวนี้
แบ่งซอยเป็นเวลา ชั่วโมง นาที วินาที
นิวตันมองโลกและจักรวาลเป็นกลไก ขับเคลื่อนเหมือนฟันเฟืองมหึมา ทุกอย่างจึงไม่เกินวิสัยในการคาดคำนวณ
การค้นพบของนิวตัน สร้างคุณูปการณ์ต่อโลกมากมาย แต่ก็สร้างภัยมหันต์ต่อโลกเช่นกัน
เพราะเกิดเป็นความเชื่อผิดๆ ว่า โลกนี้ ทุกอย่างแยกส่วน ไม่เกี่ยวข้องกัน
การคิดแบบแยกส่วน กำลังทำลายโลกที่เราอาศัย
แต่ที่จริงแล้ว โลกและจักรวาล รวมทั้งสรรพสิ่งแยกจากกันไม่ได้ เพราะขัดแย้งกับธรรมชาติที่แท้
สรุปฟันธงก็คือว่า ทัศนะแบบนิวตัน ทำให้โลกนี้เดินหน้าไปสู่มิจฉาทิฎฐิ หรือความเห็นที่ไม่ถูกต้อง
ทำให้คนทุกข์มากขึ้น หาความสุขยากขึ้น ทั้งที่เทคโนโลยีมากมาย
และทำให้เรามีเพื่อนน้อยลง วางใจคนน้อยลงเรื่อย ๆ
การค้นพบแรงโน้มถ่วง เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนิวตัน
การคิดแยกส่วน เป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของนิวตัน
จึงกล่าวได้ว่า การเริ่มต้นคิดแยกส่วน คือหลักไมล์แรกของการเดินทางสู่ยุคสมัยอันเร่าร้อน
โดยที่การคิดแยกส่วน มี เรือนนาฬิกา เป็นสัญญะของยุคสมัยนั่นเอง
แปลกหรือไม่ ที่เราเอาสัญลักษณ์ของมิจฉาทิฎฐิ (เรือนนาฬิกา) มาเชิดชูรวมกับธรรมะที่แท้ของพระพุทธเจ้า (งานพุทธศิลป์ของหอนาฬิกา)
ช่วยไม่ได้ที่ผู้รังสรรค์อ้างเอาพุทธปรัชญามาอธิบายตัวหอนาฬิกา ผมจึงอดที่จะเอาที่มาของนาฬิกามาอธิบายปรัชญาอีกด้านหนึ่งของมันบ้าง
ถึงที่สุดแล้ว งานสะท้อนปรัชญาชิ้นนี้ แสดงปรัชญาที่ขัดแย้งในตัวมันเอง (เอ..หรือผู้สร้างตั้งใจ)
เหตุผลข้อสุดท้าย ที่ผมไม่ชอบหอนาฬิกาเชียงราย คือ...
...ดูเวลายากชิบเป๋งเลย
....
แต่ตอนนี้ ผมก็กำลังยืนตะลึงกับแสงสี พลุไฟ ที่หอนาฬิกาหน้าตาพิลึก
แถมยังกดชัตเตอร์แบบรัวไม่ยั้ง เป็นเพราะชื่นชมแล้วหรืออย่างไร
เปล่าเลย...ผมยังรังเกียจมันเหมือนเดิมแหละครับ
เพียงแต่ผมออกจะหลงแสงสีและบรรยากาศของผู้คนไม่ใช่น้อย
เสียงนักการเมืองท้องถิ่นผลัดกันขึ้นมาหาเสียงบนเวทีดนตรีของวงไททาเนียม ลอยเข้าหูมาแต่ไกล
ถึงจะเข้าสู่ปีใหม่ พวกเขาก็ไม่เหน็ดเหนื่อย ที่จะหาเสียงกันข้ามปี
ส่วนประชาชนอย่างเรา ๆ สิ่งเดียวที่เราจดจ่อ
คือเวลาจะข้ามปีอีกแล้ว (หลงสมมุติ)และเราก็มีความสุขกับปีใหม่ที่จะมาถึง
ไม่มีประชาชนคนไหน หันไปฟังนักการเมืองท้องถิ่นทวงบุญคุณที่จัดงานนี้ให้เรา
แต่ทุกคนดูนาฬิกาบนมือถือ ว่าจะศูนย์ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หรือยัง
ระหว่างรอ เพื่อนคุยกัน แฟนคุยกัน คนในครอบครัวคุยกัน ทุกคนคุยกัน
คนรู้จักกัน ยิ้มให้กัน และช่วงเวลาอย่างนี้ คนไม่รู้จักกันก็ยังยิ้มให้กันเลย
แว่บหนึ่ง พวกเราหันไปยิ้มขอบคุณนักการเมืองท้องถิ่นที่จัดงานแบบนี้ขึ้นมา ถึงเราจะรู้เท่าทันว่าเป็นเงินภาษีของเราเองก็เถอะ
แต่เราก็ขอบคุณนะ :)
ขอขอบคุณที่มาของภาพประกอบในบทความ
ภาพหอนาฬิกาเชียงราย เปรียบเทียบเก่าใหม่
www.oknation.net/blog/lungping/2008/05/27/entry-1
ภาพถนนราชดำเนินยามค่ำคืน
http://www.vcharkarn.com/vcafe/53269/11
ภาพกลไกหอนาฬิกา
http://goodmorninggloucester.wordpress.com/2009/09/02/city-hall-tower-clock-mechanism/
ภาพหอนาฬิกาบิ๊กเบน ที่ลอนดอน อันลือลั่น
http://picasaweb.google.com/pratikjadav/NamasteLondon
อ่านจบแย้วค่า ชอบนะคร้า
ตอบลบชอบด้วยครับ ขอเปลี่ยนตึกแถวรอบๆให้เป็นสีทองๆแหลมๆให้หมดเลยได้ไหมครับ? เอาทั้งถนนเลย
ตอบลบชอบด้วยคะ...อกาลิ..เอหิปสิโต..โอปนยิโก..ปัจจัตตังเวธิตัพโพ.วิณญูหิติ
ตอบลบเห็นด้วยกะเรื่องหอนาฬิกา... ดูจากภาพแล้ว โดด ๆ ยังไงไม่รู้
ตอบลบหลังจากที่ได้ไปเห็นด้วยตาจริง ๆ แล้ว เห็นด้วยอย่างมาก....ก็คือว่า.."ดูเวลาได้ยากจริง ๆ " ^^
ตอบลบ