วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

My Grandpa never leaves Hainan

ดวงใจปู่สถิต ณ. ใหหนำ นิรันดร์
(ต้นฉบับภาษาจีนที่ชาวมาเลเซียและชาวจีนช่วยแปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษของผม)
ความมีดังนี้

I was born in 1980, in a Thai family of Chinese descent. I was born in Phayao, a small province in the northern part of Thailand. When I was young, I frequently saw grandpa and my dad yelling against each other. Because I did not understand what language they were talking, so I thought that they were arguing.My dad gave me the reason way he had to talk with grandpa loudly like that by this question. “Did you know? Our origin was from Island?” “So….why do you shout?” I asked. “The island always has the strong win,therefore if you didn't not shout, no one can hear you!”Although that was a funny reason for me, but it was the first time I have heard about my origin. Cause the culture unlike another family in the town, I usually though that Why we are different from the others? And in fact, “Who am I”? Of cause, my teacher at school always told me that you are same as other ones because of you are Thai! (she shouted at me.) Even my mouth had shut, but I still kept thinking that I have had some things different from others. Until one day my dad had told me the story. Once upon a time, there was a young man who lives in a small island, close to the south of China. At that place, the way of his life was simple. He got married and had a lovely family. They are together living harmoniously and peacefully. No longer, the chaos of war and political situation makes him worry and suffering. Finally, he decided to leave his family. At that day, he was only 19 years old, he had a stormy passage to unknown land, unknown people.He had nothing in his hands.But he had great hope in his heart! He is my grandpa! My grandpa decided to leave Hainan when he was 19. I really have no idea that what had he thought when he left his family in Hainan. I know only if he didn't decide to come to Thailand. Today, no one is writing this article. I had remembered, when I was 16 years old. My grandpa, 80 years old man, he told everyone that he will back home in Hainan. For 60 years in Thailand, my grandpa never forget who he is.His voice when he said “I will back home” sounds like the young man who had decided to go to Thailand in the age of 19.The last day that I saw my grandpa was at the airport.I saw him cried and looked at his descendants.That is the last picture in my memory. During these long days and nights,I believe that my grandpa never leave Hainan.His body might live out of Hainan for some time, but his soul never leave. Today, his body and soul leave together in Hainan, his real home, forever.

ในปี พ.ศ. 2523 ผมถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ในจังหวัดเล็กๆแห่งหนึ่งทางตอนเหนือ ตั้งแต่เด็ก ภาพที่ฉันเห็นเป็นประจำก็คือ ภาพของปู่ของฉันที่กำลังคุยพ่อของฉันด้วยเสียงที่ดัง, ด้วยภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง ฉันมักคิดไปเองว่า ปู่คงกำลังทะเลาะกับพ่อแน่ๆ พ่ออธิบายให้ฟังว่า เพราะเหตุที่บรรพบุรุษของเราเป็นชาวเกาะ การพูดคุยจำต้องตะโกนแข่งกับแรงลมบนเกาะ เป็นปกติ สิ่งเหล่านี้ซึมซับเข้ามาในดีเอ็นเอของพวกเรา ดังนั้นอย่าแปลกใจที่เราตะโกนคุยกัน. แม้จะเป็นเหตุผลขำๆ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินต้นกำเนิดว่า ตัวผม มาจากไหน. และด้วยเหตุที่วัฒนธรรมในบ้านของเราต่างไปจากชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนของเรา ผมก็มักจะสงสัยว่า ทำไมเราถึงแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป จริงๆแล้ว เราเป็นใคร มาจากไหนกันแน่? แน่นอนว่าที่โรงเรียน ครูต่างก็กรอกหูบอกผมทุกวันว่า เราเป็นคนไทยเหมือนๆกันนั่นแหละ แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า ผมต้องมีอะไรที่ต่างกับคนส่วนใหญ่เป็นแน่แท้ จนวันหนึ่งพ่อก็เล่าเรื่องๆหนึ่งให้ผมฟัง นานมาแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่ง อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีน .เกาะแห่งนั้น ชีวิตของเขาช่างเรียบง่าย เขาแต่งงานและสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และมีความสุข ไม่นาน ความวุ่นวายสับสนจากสงคราม และความผันผวนทางการเมืองก็สร้างความทุกข์ใจแก่ชายหนุ่ม. ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจจากครอบครัวไป. ด้วยวัยเพียง 19 ปี เขาข้ามน้ำข้าทะเลไปสู่ ผู้คน และดินแดนที่ไม่รู้จัก. เขามีเพียงมือเปล่าๆ แต่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจ. เขาคือปู่ของฉันเอง. ผมไม่รู้ว่าวันที่ปู่ตัดสินใจเลือกจากครอบครัวในเกาะใหหลำเพื่อไปตายดาบหน้าในประเทศไทย ปู่คิดอะไรอยู่. แต่ผมรู้เพียงว่า วันนั้น ถ้าปู่ไม่ตัดสินใจมาเมืองไทย ผมก็คงไม่ได้มานั่งเขียนบทความชิ้นนี้.ผมจำได้ว่าตอนอายุ 16 ปู่ผมในวัย 80 บอกกับทุกคนว่า เขาจะกลับบ้านที่เกาะใหหลำ.60 ปีในเมืองไทย ปู่ไม่เคยลืมเลยว่า ปู่เป็นใคร. น้ำเสียงของปู่ที่บอกทุกคนว่า ฉันจะกลับบ้านฟังดูคล้ายน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่มอายุ 19 ปี ผู้ตัดสินใจเดินทางมาก่อร่างสร้างตัวที่เมืองไทยโดยไม่รู้อนาคต วันสุดท้ายที่ผมเห็นปู่ คือที่สนามบิน ผมเห็นปู่ร้องให้ แกเช็ดน้ำตาแล้วมองกลับมายังลูกหลานที่ไปส่งแก, นั่นคือภาพสุดท้ายของปู่ที่อยู่ในความทรงจำของผมจนกระทั่งวันนี้ ในวันคืนที่ยาวนาน ผมเชื่อว่าปู่ไม่เคยจากเกาะใหหนำไปไหนเลย แม้บางครั้งร่างกายปู่อาจจะไม่ได้อยู่ แต่วิญญาณของปู่ไม่เคยจากเกาะใหหลำไปไหน. วันนี้ ทั้งร่างกายและวิญญาณของปู่ได้สถิตดำรงบนเกาะใหหนำ,บ้านที่แท้,ตลอดกาล

Grand son

โดย ต้าร์ นอร์บูลิงการ์
นอร์บูลิงการ์ คาเฟ่
อ้างอิงจาก
http://norbulingka.blogspot.com/




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น