โครงการวารสารแสงเล็ก สำหรับชุมชนเบิกบาน...ที่ชื่นชมการมีชีวิต และแบ่งปัน...ความฝัน แรงบันดาลใจ
วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553
สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ปัตตานี
คอลัมน์สับปะรดกวน โดย เล็ก หมีพูห์
12 เมษายน 2553
ผมขอแสดงความเสียใจ ไว้ ณ ที่นี้ ที่สังคมไทยต้องเผชิญกับความสูญเสียอีกครั้ง ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ความรุนแรงที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า สังคมไทยเรายังมีคนกลุ่มหนึ่งโหดร้ายอำมหิตและเลือดเย็น สามารถเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้อย่างเย็นชา แต่ความอำมหิตที่ว่า ยังไม่อาจเทียบเท่าผู้บงการเบื้องหลัง ที่อำมหิตยิ่งกว่าสัตว์ร้ายในนรก
น่าเสียดายที่คอลัมน์ของผมไม่ใช่คอลัมน์การเมือง ทั้ง ๆ ที่พลังในการเขียนของผม ณ ขณะนี้ คือเรื่องพยายามแยกแยะปรากฎการณ์ดังกล่าว ในทัศนะของผม ผมหลับตา พยายามจมดิ่งกับสมาธิครู่หนึ่ง แล้วก็พิจารณาว่า เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมก็ยังอยู่กับความรู้สึกดี ๆ อย่างหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นั่นคือการได้ไปเยี่ยมเยือนจังหวัดปัตตานี จังหวัดที่ได้ชื่อว่าไม่ปลอดภัยที่สุดจังหวัดหนึ่ง ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ผมนึกภาพ "น้องดาดา" เด็กสาวมุสลิม ที่ยื่นหมวกกะปิเยาะมาให้ผม เพื่อเป็นของที่ระลึก ก่อนวันสุดท้ายของการอบรมหนังสั้นอันยาวนานสิบวัน ที่โรงแรมซีเอสปัตตานี ภาพที่ทะยอยตามมา ล้วนแล้วเป็นความประทับใจในมิตรไมตรี ที่หยิบยื่นให้โดยเยาวชนหนุ่มสาวและผู้คนบนแผ่นดินนี้....ที่ขนานนามดินแดนแห่งนี้ว่า "ลังกาสุกะ" ที่เจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและศาสนา มานับพันปี
ผ้าโสร่งผืนงาม โรตีกรอบบรรจุกล่อง ขนมลูกหยี บูดูรสเลิศ และสรรพขนม ถูกนำมามอบให้วิทยากรและทีมงานอบรมหนังสั้น ไม่ขาดสาย รอยยิ้ม แววตาที่ส่งต่อ จากใจสู่ใจ ไหนหรือ...ที่สื่อมวลชนพยายามบอกเรา ว่าปัตตานี เป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัยในการมาเยี่ยมเยือน
ตลอดสิบวันของการเดินทางมาอบรมหนังสั้นที่ปัตตานี ผมได้รับการบอกเล่ามาตลอดว่า การแตะเนื้อต้องตัวเด็กสาว ในสังคมมุสลิม เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร หลายๆ ครั้งในการลาจากกัน การแสดงออกทางมิตรภาพอย่างหนึ่ง ก็คือการโอบกอด ผมเองยังอยากจะกอดน้อง ๆ หลายคนด้วยความเอ็นดู เพราะไม่คิดว่าจะมีการแสดงออกถึงความห่วงหาอาทรอันใด ที่ดียิ่งไปกว่าการโอบกอด ...แต่ก็ไม่กล้า
ในวันที่เราจะลาจากกันจริง ๆ มีน้องทั้งชายหญิง มามะรุมมะตุ้มอย่างกับพวกเราเป็นดารา น้องผู้หญิงคนหนึ่ง สวมคลุมผ้าฮิญาบ(ฮิญาบ แปลว่า ปิดกั้น) ตรงมาหาผม บอกว่าอยากกอดพี่เล็กจัง ผมตอบกลับว่า แล้วทำไมไม่กอดล่ะ แล้วเธอก็โผเข้ากอด หลังจากนั้นน้องอีกหลายคนก็ตรงเข้ามากอดบ้าง
บางทีผมคิดว่า ข้อห้ามอาจจะมีการละเว้นในรายละเอียดบ้าง หรือถึงแม้ว่าข้อห้ามจะเคร่งครัด...บางครั้งการละเมิดบนพื้นฐานความดีความงาม ก็ไม่น่าจะเป็นไร
ระหว่างการเดินทางกลับ บนรถตู้ ทีมงานของผม หยิบกระดาษโน้ตที่น้อง ๆ เขียนให้กับพี่ๆ มาอ่านอย่างมีความสุข "ไอรีน" เจ้าเด็กกระเทย ที่น่ารักเป็นที่สุด โทรมาเช็คแทบตลอดทาง ว่าพวกเราเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพจริง ๆ และเมื่อกลับมาถึงบ้านที่เชียงรายแล้ว ผมเองก็ยังได้รับอีเมล์ แมสเสจทางมือถือ..หรือการทักทายผ่านเฟซบุ๊คบ้าง เอ็มเอสเอ็นบ้าง จากน้อง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ดูสิ...มิตรภาพที่งอกงามเบ่งบานปานนี้ ใช้เวลาเพียงสิบวันเท่านั้น
ส่วนผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ที่เป็นครูบาอาจารย์ ที่พาเด็กมาอบรม ท่านก็น่ารัก ในการปฎิบัติตัว ท่านไม่แทรกแซงกระบวนการทำงานของเด็ก ๆ เลย มิหนำซ้ำ กลับอำนวยความสะดวกทุกเรื่อง เพื่อให้เด็กทำงานได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปรับไปส่งในโลเคชั่น การดูแล ให้คำปรึกษา (ในขอบเขตที่เรียกว่าเป็นคำปรึกษาจริง ๆ) หรือแม้กระทั่ง การลงมือแสดงเองก็ตาม
แล้วผมก็นึกย้อนถึงความรู้สึก เมื่อผมรู้ว่าจะได้มาปัตตานีเป็นครั้งแรก เป็นความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ตื่นเต้น ผสมปนเปกับความหวาดระแวง ความกลัว ที่แม้จะน้อยนิด ก็ยังรู้สึกได้ แต่ก็ไม่อาจหักห้ามใจ ที่จะมาเยือนปัตตานีสักครั้ง
น่าแปลก...ในเบื้องต้นของการตัดสินใจมาเป็นวิทยากรอบรมหนังสั้นให้เยาวชน ห้าจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งที่มีสิทธิเลือก...ทีมวิทยากรพวกรา ก็ขอเลือกจังหวัดปัตตานี เป็นคำตอบแรกและคำตอบเดียว
การที่เราลอดผ่านปราการความกลัว ที่กักกันเราเอาไว้กับความคับแคบของกำแพงทึบ ที่ทำให้เราเชื่อว่า มีอันตราย จากสายตาไม่เป็นมิตร การจับจ้องมุ่งร้าย และการฆาตกรรมอย่างไร้เหตุผล ภายใต้ปราการ ที่จำจองเราเอาไว้ ไม่ให้ได้รู้จักกับปัตตานีที่แท้จริง เมื่อปราการความกลัวนั้น ถูกทำให้สลายไป เราจึงพบว่าแท้จริงแล้ว นอกเหนือปราการ คือ สายลมบริสุทธิ์ที่พัดผ่านรอบตัวเรา สายลมที่โอบอุ้มเราไว้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์และคำอำนวยพรจากพระอัลเลาะห์ และเสียงอาซานยามเช้าและยามบ่าย ที่ขับกล่อมให้สันติสุขยังดำรงอยู่ในดินแดนลังกาสุกะ
อะไรหนอ ที่ทำให้เธอทั้งหลายอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพี่ ๆ วิทยากร มาตลอดสิบวัน อะไรอยู่ภายใต้ดวงตาอันอ่อนโยนและใสซื่อของเธอ เมื่อเราได้สบตากัน ความมุ่งมั่นของเธอมาจากไหนกัน เธอจึงนั่งทำงานจนโต้รุ่ง กระทั่งเสียงอาซานลอยมาตามอากาศ พี่เชื่อเสมอว่า การละหมาด อย่างซื่อตรงและเปิดเผยของพวกเธอนั่นไง ที่ทำให้เธอมีพลังนั้นอย่างเต็มเปี่ยม และพระเจ้ายังดำรงอยู่ในเธอตราบเท่าที่เธอได้เปิดเผยต่อพระองค์
ในวันสุดท้ายของการอบรม ที่เป็นวันฉายหนังและมอบประกาศนียบัตร ผมใส่หมวกกะปิเยาะที่ดาดาให้ไว้เมื่อวาน จนหลายคนทักว่าผมเหมือนมุสลิมมากเลย เราชื่นชมให้กันในวันอันงดงามนี้ และหนังสั้นสิบเรื่องก็ได้แสดงให้เห็นความงาม ความศรัทธา ความสูญเสีย และความสงบ
"ฮัม" เด็กสาวหน้าตาสวย ดูคล่องแคล่วแบบผู้นำ นั่งข้างผม ในช่วงรอรับประกาศนียบัตร "พี่เล็กไม่เข้าอิสลามเหรอคะ" ผมยิ้มให้ฮัม พอให้รู้ว่าเป็นการปฎิเสธความปรารถนาดี ที่กรุงเทพฯ ในวันอากาศร้อนระอุ ผมนั่งดูข่าวสาร ประชาชนและทหารบาดเจ็บร่วมร้อย ผมยังคิดถึงความโหดร้าย ที่คนกระทำกับคน ทำลายชีวิต เพื่อสถานะทางการเมือง...ความอยู่รอดของนักการเมือง
ผมผละจากทีวีและเดินมายืนรับลมที่ระเบียงคอนโดสูง แล้วลมแผ่วเบาก็โชยมากระทบใบหน้า เหมือนได้รับการปลอบใจจากพระอัลเลาะห์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอีกครั้ง ผมนึกถึงสิ่งที่ดี ๆ ที่ปัตตานี รอยยิ้มของเด็ก ๆ และความทรงจำดี ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายที่นั่น ทำให้ผมยังไม่ทิ้งความเชื่อที่ว่า....
ความรักและสันติภาพยังมีอยู่จริง...บนแผ่นดินไทยผืนนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ขอบคุณพี่เล็กสำหรับบทความนี้นะครับ
ตอบลบด้วยความนับถือ
อยากดูหนังสั้นในโครงการนี้ต้องติดตามจากที่ไหนครับ
ตอบลบพี่เล็ก เขียนได้เยี่ยมยอดและตรงใจมากๆ ค่ะ
ตอบลบ"ภายใต้ปราการ ที่จำจองเราเอาไว้ ไม่ให้ได้รู้จักกับปัตตานีที่แท้จริง"
คิดถึงที่นั่นและอยากให้ทุกคนได้เข้าไปสัมผัสความสวยงามนั้นเหมือนกันค่ะ
บีขอเป็นคนโพสตอบนะคะ ตอนนี้มีอยู่ 5 เรื่องที่ถูกอัพโหลดขึ้นยูทูปค่ะ 5 เรื่องนี้เป็นของเด็กมัธยมทั้งหมดค่ะ
ตอบลบhttp://www.youtube.com/watch?v=CTI1zJKapaU
เรื่องกูดิง - เด็กชายมุสลิมที่อาศัยอยู่กับยาย
http://www.youtube.com/watch?v=_1qce-dHosg
เรื่องซือปันญังมาซา - เริ่มจากเด็กสาวคนนึงที่ตระเวนหางานทำ
http://www.youtube.com/watch?v=wE5G8MfIw6I
เรื่องเสียงอาซานกับการเปลี่ยนแปลง - ครอบครัวคนกรุงที่ย้ายเข้ามาอยู่ในชุมชนมุสลิม
http://www.youtube.com/watch?v=fS8N8-9M2HU
เรื่องฮารียังตะลูปอ - "อย่าไปไหน ปักษ์ใต้บ้านเรา"
http://www.youtube.com/watch?v=qujZzpZbN1Y
เรื่องซูวารออาคิร - เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ยังฝังใจ
ขอบคุณครับน้องบี พี่เข้าไปแชร์ใน fb แล้วครับ
ตอบลบซาบซึ้งอย่างที่สุด ไม่อาจกล่าวคำพูดใดๆ
ตอบลบน้ำตาจาไหลค่ะพี่เล็ก
ตอบลบหนูก็อยากกอดพี่ๆทุกคนเหมือนกันค่ะ!
ดีจัยที่ได้รู้จักกับพี่ๆและความทรงจำนี้จะไม่ลืมเลือนไปจากใจหนูเลย^^
ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากเลยค่ะที่ทำให้หนูและเพื่อนๆทุกคนได้มีโอกาสสร้าง
หนังในครั้งนี้ มันเป็นหนังเรื่องแรกที่หนูได้ทำมันเลยก็ว่าได้
ทีนี้หนูก็รู้แล้วค่ะว่ามันยากแค่ไหนกว่าที่พี่ๆจาได้หนังมาสักเรื่องนึง
ขอบคุณมากๆเรยคร้า^^
รักพี่ๆทุกคนเลย
(((บูหลัน)))
ขอบคุณพี่เล็กมากนะค่ะ
ตอบลบที่มีความคิดเห็นนี้ต่อคนจังหวัดปัตตานี
ขอบคุณที่พี่ชอบความเป็นตัวเองของพวกเรา
ขอบคุณที่พี่เลือกที่จะมามอบความรู้และความรู้สึกดีๆให้กับพวกเรา
นี่คือความรู้สึกจริงๆจากใจ
เมื่ออ่านบทความจบ
น้ำตามันก็ไหลออกมาโดยไรเหตุผล
ขอบคุณพี่มากนะค่ะ
ไม่มีคำกล่าวใดที่ดีไปกว่า คุณต้องอ่านมันอีกรอบ อีกรอบ แล้วก็อีกรอบ ครับ
ตอบลบขอบคุณพี่เล็กที่ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ค่ะ
ตอบลบเป็นน้ำหล่อเลี้ยงในวันสงกรานต์...หลังสงครามกลางกรุง
ดีใจ ที่น้องๆ และอาจารย์ได้เข้ามาอ่านค่ะ
ตอบลบพี่น้ำหวานก็น้ำตาจะไหลเหมือนกันแหละน่า
ดีใจน่ะค่ะที่พี่ๆทุกเอ็นดูพวกเรา จากระยะเวลาเพียงสิบวัน มันแสนยาวนานกับคำว่าหวาดระแวง แต่มันแสนสั้นกับเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่มีวันจากลามันก็คงดี แต่คงเป็นไปไม่ได้ เมื่อมีวันเจอ มันก็ต้องมีวันจากใช่ไหม แต่ถ้ามีโอกาสหวังว่าพี่ๆคงจะกลับมาหาพวกเราปัตตานีอีกน่ะ
ตอบลบหนูเชื่อว่ายังมีอีกหลายๆสิ่งที่เมืองปัตตานีรอให้พวกพี่ๆได้สัมผัส
พวกเรายินดีค่ะ
((ฟียา))
ตามมาจนเจอ ได้ไง จะเอาไปแชร์ใน fb ได้ยังไงครับพี่เล็ก
ตอบลบ