วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

คำตาม ‘สมองนัวเนีย’ : สาส์นริษยาจากสำนักไขสันหลัง

คำตาม ‘สมองนัวเนีย’
สาส์นริษยาจากสำนักไขสันหลัง

กล่าวตามสัตย์ อุเทน มหามิตรเป็นบุคคลที่ผมริษยาเป็นที่สุด!
ความริษยาแตกต่างจากความเกลียดชังก็ตรงที่ เรามักริษยาสิ่งที่เราหลงใหลอย่างยิ่ง แต่เราไม่สามารถครอบครองมันได้ ไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ และในกรณีนี้ย่อมคือตัวหนังสือของอุเทน มหามิตร !
เราพบกันครั้งแรกในร้านหนังสือ คนตัวสูงโย่งผมยุ่งตลอดเวลา (เขาน่าจะควบตำแหน่งกวีที่ผมยุ่งที่สุดในโลกอีหนึ่งตำแหน่ง) ซึ่งพูจาไม่รู้เรื่อง กล่าวตามจริงเราสนทนากันน้อยมาก แต่ในยามสายที่ฝนตกวันหนึ่งในร้านหนังสือ ผม เขา และ นฆ ปักษนาวิน ต่างจมอยู่ในมหาสมุทรเฉพาะตน กลายเป้นภาพประทับที่งดงามยิ่งกว่าบทสนทนายืดยาวใดๆ
เอาละ กลับมาที่ความริษยาเถอะ
“งูสีดำว่ายผ่านบ่อปลาอย่างอิสระ
นกที่จับกิ่งไม้ส่งเสียงตื่นตระหนก
พักเที่ยงดวงอาทิตย์หยุดเดิน
ทุกสิ่งวางนิ่งอยู่อย่างถูกที่ถูกเวลาและไม่ดื้อดึง
ใบไม้น้อยๆและฝุ่นบางๆแสดงอาการซึมเซา
ฤดูกาลไหวตามเงากระโดดอ้างว้างของกระต่ายป่า
ไกลๆนู้นว่าวจุฬาปิดด้วยกระดาษเก่าปรุชำรุด
ล่องลอยเคว้งคว้างบนฟ้าสีครามกว้างหมดจด
สายผูกเส้นใยเบาบางยากจะสังเกตเห็น
เหมือนไม่มีใครเป็นเจ้าของ”
พูดก็พูดเถอะในฐานะคนที่ขีดๆเขียนๆอยู่บ้าง เราไม่สมควรริษยาคนที่เขียนบทกวีข้างต้นนี้หรือ ! สมควรสิสมควร ริษยาให้ถึงตับไตไส้พุงได้โดยไม่ต้องขัดเขินกันเลยเทียวล่ะ
ภาษาพิเศษของ อุเทน พาเราเหาะข้ามพรมแดนจินตนาการเข้าไปยังเขตแดนลึกลับที่ภาษาไม่เคยพาเราล่วงล้ำเข้าไปถึงมาก่อน แดนสนธยาหยำเหยอะ ยากอธิบาย (ถ้าผมอธิบายได้ผมคงไม่ต้องมานั่งริษยาในยามเช้าอยู่เช่นนี้) พรมแดนที่มีงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แสงรำไรลอดกิ่งไม้หงิกงอ ย่ำลงบนสมองเหนียวหนืบดูดเท้าดังจ๊วบๆ! (นั่นปะไร ผมพยายามอีกแล้ว ล้มเหลวอีกแล้ว ความพยายามงอกง่อยในการ ‘เลียนอุเทน’)
ภาษาของอุเทนเป็นเรื่องประหลาด การลงมืออ่านหนังสือของเขาให้ความรู้สึกแตกต่างไป ในจักรวาลนัวเนียนี้ ไม่มีที่ใดให้ท่านยึดจับ คล้ายการห้อตะบึงเข้าไปในป่ากลีบสมองรกชัฏ ท่านมีแต่ถูกถ้อยคำรุนหลังไปข้างหน้า สับสนอย่างเศร้าเกี่ยวกับการเขียนซึ่งดูคล้ายคลึงการลงทัณฑ์มากกว่าความพึงพอใจ และเมื่อท่านล่วงพ้น ปิดหนังือหน้าหนึ่ง เงยหน้าครั้งหนึ่ง สูดลมหายใจครั้งหนึ่ง ไม่เหลือเรื่องราวใดๆไว้ให้ท่านได้เอาไปบอกต่อ จงลืมเพื่อนๆของท่านเสีย พวกเขาไม่ควรค่าพอจะได้ร่วมรับรู้เรื่องราวหรอก อย่ามาโกหก มันอธิบายไม่ได้ และด้วยการณ์นี้นี่เอง ตัวหนังสือขออุเทน มหามิตรจึงไม่คล้ายการอ่านในแบบที่คุ้นเคย มันไม่ใช่การอ่านเอาเรื่องไม่ใช่กระทั่งการอ่านเอารส หากมันคือประสปการณ์ลึกลับอันอธิบายไม่ได้ คล้ายคลึงกับอะไรดีนะ กับการเข้าทรงนั่นปะไร ถูกต้องที่สุด การอ่านหนังสือของอุเทน มหามิตรคือประสปการณ์แบบอาการ ‘ผีเข้า’ ที่จะทิ้งไว้เพียงร่องรอยเลือนรางค้างก้านสมองหลังท่านรอดพ้นมา !

และเพื่อเป็นการทำลายความขรึมขัลศักดิ์สิทธิ์ทางภาษาของอุเทน (ที่ผมเองเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง) ผมจะบอกเคล็ดให้ก็ได้ ผมจะบอกวิธีอ่านให้ ท่านผู้อ่านจะได้ทำเป็นยักไหล่ แสดงความสาสมใจที่อ่านเอากับเขาได้เหมือนกัน แต่บอกไว้ก่อนนะ นี่มันแค่ทางลัดของ ‘นักริษยานิยม’ เท่านั้น อย่ามาเอานิยมนิยายอะไรกับผมล่ะ
บอกให้ก็ได้ วิธีการเดียวที่จะอ่านอุเทนให้รู้เรื่อง คือการโยนตรรกะระบบคิดที่ผูกติดคุรมาทิ้งไปเสียก่อน นั่นล่ะอย่างนั้น วิธีคิดเหตุผลรึ ระเบียบวิธีทางภาษาเรอะ เอามาฝากที่เคาน์เตอร์นี่ เราจะเอาไปขายมือสอง ฝากไว้ตรงนี้ก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไป การเขียนแบบอุเทนคือการมองโลกด้วยสายตาใหม่ สายตาดึกดำบรรพ์ของเด็กจากดาวดวงอื่นที่มองโลกใบนี้ด้วยการเปรียบเทียบอย่างง่ายเข้ากับสิ่งต่างๆบนดวงดาวของตนเอง เมื่อเขาเห็นสิ่งหนึ่งเขาอธิบายมันด้วยสิ่งอื่น อธิบายทั้งตัวของสิ่งนั้น กัปกิริยาของมันไปจนถึงผลพวงที่เกิดขึ้นอย่างเลื่อนเปื้อนที่ช่วยไม่ได้ มันราวกับว่าเมื่อเราปล่อยให้ภาษารุกคืบอาณาเขตของโลก เราย่อมจะต้องสูญเสียรี้พลความจริงให้กับการศึกของภาษายังไงหยั่งงั้น
และนี่ เข้าเรื่องกันเสียที เถอะพ่อคุณ ‘สมองนัวเนีย’ หนังสือเล่มกระจิ๋วหลิวที่คุณกำลังจะเปิดอ่าน (หรือเพิ่งอ่านจบลงไปแล้วก็ไม่ทราบได้ –ผมไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่ผมเขียนจะไปประกบอยู่ส่วนไหนในหนังสือ อาจจะเป็นนอกเล่ม ฮา!) คืออาการทางประสาทของกวีอัจฉริยะที่มาจากดาวดวงอื่น นี่ผมยกย่องเขาลเศลอย หรือทำให้เขาดูแย่กันแน่ อย่างไรก็เถอะ หนังสือกวีนิพนธ์หยำเหยอะเนื้อสมองเล่มนี้ คืออีกครั้งที่พรมแดนลึกลับถูกเปิดประตูทิ้งค้างเอาไว้รอคุณเดินเข้าไป (และอย่าหวังจะได้กลับคือนมาง่ายๆ เฮอะ!) บทกวีในเล่มเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการคิดซึ่งถูกรุกคืบโดยโลกของวิธีเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ ระบบกายวิภาค สรีรวิทยาเข้าสิงสู่ หนึ่งหน่วยของวิทยาศาสตร์หยดลงในมหาสมุทรของกวีนิพนธ์ เจือจางลื่นไหลกลายเป็นหนึ่งและแปลกแยก ความเคลื่อนไหวในเซลล์ประสาทของกวี กลายเป็นข้อความหัวด้วนหางกุด หนุนเนื่องกันราวกับการหลากไหลของแม่น้ำฤดูฝน และนั่นทำให้ผมริษยามากที่สุด มาท่วมฉันบ้างสิถ้อยคำ

และถ้าอุเทนจะเข้าข้างสมองแล้วละก็ เอาสิ ปมจะลองเลือกข้างไขสันหลังดูที ว่ากันไปเถอะ เขาว่าสมองนั้นเอาไว้สั่งการด้วยระบบคิดจิตสำนึก แต่ไขสันหลังสิแน่นอนกว่า เพราะมันคือระบบสังการตอบโต้อัตโนมัติ ประสบพบตอบโต้โดยไม่ต้องไปผ่านการคิดให้ยุ่งยาก สำนักไขสันหลังปราศจากกลีบเหยื่อหยำเหยอะ มันทิ้งเส้นประสาทดิ่งตรงไปยังปลายรยางค์สู้ตายเมื่อภัยมาและไร้ความสามารถในการคิดใคร่ครวญ! เอาสิอุเทน ผมไม่เลียนคุณก็ได้ ขอริษยาไกลๆก็พอ!
นับเป็นการพล่ามที่เพียงพอประสาทไขสันหลังบใวมพองอ่อนล้า ขณะสั่งนิ้วมือให้เคาะแป้นคีย์บอร์ดก๊อกก๊อก โดยไม่สำรวจตรวจสอบ อย่ามาทำเป็นอ่านรู้เรื่องเลยผู้อ่าน คุณปราดตาแวบเดียวก็รู้แล้วว่าผมไม่ได้ทำอะไรนอกจากพยายามเลียนแบบอุเทน แต่ไม่สำเร็จ ทุด ! รันทดจนได้แต่ริษยานั่นแหละ อย่ามาเสียเวลากับผมเลย ไปหางานของอุเทนมาอ่านอีกกันดีกว่า อันนี้รับรอง!

วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา aka FILMSICK

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น