วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บันทึกการประชุม ชมรมแสงเล็ก ประเดือนพฤษภาคม โดย บีและวลี

วันที่ 27 พค 53

พวกเราได้รับแจ้งทางเมลกับเฟสบุ๊กก่อนแล้วว่า
มีตติ้งครั้งที่ 11 เราจะมาคุยกัน เรื่อง "ความเชื่อ" เราจะฟังทุกคนพูดเรื่องความเชื่อของตัวเอง (แน่นอน...ทุกคนต้องได้พูด) การพูดไม่จำกัดเวลา ถ้าใครไม่ถนัดพูดจะเขียนมาอ่านให้ฟังก็ได้

วันนั้นเราไปรวมกันที่หอดูดาวตอนทุ่มกว่าๆ โดยมีพี่ปอเป็นผู้ดำเนินรายการ พวกเรามีเค้กกล้วยหอมกับขนมถั่วตัดเป็นของกินเล่น ไม่มีใครหิ้วขนมที่เป็นซองๆ สวยๆ ไปกิน ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เราไม่อยากเป็นชมรมที่เพิ่มสาเหตุให้โลกร้อนจากการเผาซองขนมโดยไม่รู้ตัว

เราเริ่มต้นกิจกรรมจากการพูดถึง ความเชื่อ ของแต่ละคนก่อน เริ่มจากน้องๆ จากไร่แม่ฟ้าหลวง ซึ่งมีความเชื่อที่น่าสนใจ เช่น เชื่อว่าเงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้ เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เชื่อในไสยศาสตร์ เชื่อในการทำความดี ส่วนพี่ๆ ก็ไม่น้อยหน้า มีความเชื่ออันเก๋ไก๋กันทุกคน เช่น เชื่อในความรัก เชื่อว่าเราไม่สามารถตัดสินภาพความสำเร็จของใครได้จนกว่าจะเห็นบั้นปลายชีวิต เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็คอยเติมเต็มกัน เชื่อว่าความลับไม่มีอยู่ในโลก เชื่อในความสัมพันธ์ที่หลากหลาย เชื่อว่าตัวเองจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งมากๆ เชื่อในตัวมนุษย์ เชื่อว่าลงจากหลังเสือแล้วเสือจะไม่กัด เชื่อว่าชมรมแสงเล็กจะยังอยู่ตลอดไป เป็นต้น

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องความไม่เชื่อ
พวกเราบางคนก็คิดง่ายๆ โดยการกลับเอา เพิ่มลดนิเสธแต่ได้ความหมายเดียวกัน เช่น เปลี่ยนจาก เชื่อว่าเงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้ เป็น ไม่เชื่อว่าเงินสามารถซื้อทุกอย่างได้ ทักษะดีมาก แต่ไม่ว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ก็ดึงเสียงหัวเราะ เสียงครางปนทึ่ง และสายตาจับจ้องกันไปทั่วทั้งวง
ยกตัวอย่างเรื่องที่สมาชิกบอกว่าไม่เชื่ออีกดีกว่า เช่น ไม่เชื่อว่ากินเมล็ดพืชไปแล้วมันจะงอกในท้อง (เฮ้อ เราอ่อนใจกับความไม่เชื่อนี้หน่อยๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันน่ารักมาก) ไม่เชื่อว่า 2012 จะเกิดขึ้นจริง ไม่เชื่อว่าความกลัวจะเป็นอุปสรรคในการทำอะไรๆ ไม่เชื่อว่าเป็ดจะดำน้ำได้ ไม่เชื่อว่าจะสามารถเชื่อใจใครได้แม้แต่แม่ที่รับปากว่าจะพาไปเล่นน้ำทะเลก็ยังหลับปุ๋ย ไม่เชื่อว่าน้ำฝนสมัยนี้กินได้จริง ไม่เชื่อว่าคนที่แสดงออกว่ามีความสุขจะมีความสุขจริงกับไม่เชื่อว่าคนที่แสดงออกว่าเศร้ากำลังเศร้าจริง ไม่เชื่อว่าลูกจะไม่เข้าใจแม่ ไม่เชื่อว่าอิ่มแล้วจะกินอีกไม่ได้ ไม่เชื่อว่าคนไทยจะไม่รักกัน เป็นต้น
ทีนี้เรารู้สึกอยากกลับไปขยายความที่มาของความเชื่อของแต่ละคนอีกครั้ง เพราะว่ามันน่าคุยทั้งนั้น ทันใดนั้น สายฝนก็โปรยปราย พวกเราช่วยกันเก็บเสื่อ ย้ายตัวเองจากระเบียงเข้าไปอยู่ในห้อง แล้วคุยกันต่อ สรุปที่มาเกี่ยวกับความเชื่อได้เบาๆ ว่าหยั่งงี้

# เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัว เวลาที่ไม่สบาย เมื่อระลึกถึงพระเจ้า ไม่นานก็จะหาย เวลาที่มีเรื่องราวเดือดเนื้อร้อนใจ ก็จะรู้สึกได้ว่าพระเจ้ากำลังให้กำลังใจและคอยดูแลอยู่ เล่าถึงตอนนี้พี่เอ๋ก็ถามน้องว่า "เราเป็นคนคริสต์ใช่มั้ย" น้องก็ตอบทันทีด้วยหน้าตาใสซื่อว่า "ไม่ครับ เป็นคนทำ" ฮ่าๆ พี่เอ๋เลยบอกกับตัวเองว่า ต่อไปจะออกเสียงคำควบกล้ำให้ชัดเจน

# เชื่อว่าไสยศาสตร์มีจริง เพราะเจอมากับตัว เจอคนที่รู้จักกันที่โดนของ แม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะนับถือศาสนาคริสต์ แต่ตัวเองก็เคยเรียนรู้ศาสตร์ไสยศาสตร์ของชนเผ่าไทยใหญ่ มีการใช้ไสยศาสตร์ประเภทมหานิยมมากมาย ทั้งวงจึงเรียกร้องให้น้องช่วยสอนบ้างบางอัน น้องก็ยินดีเล่าให้ฟัง "อย่างเช่น ถ้าเราชอบสาวคนไหน เราก็ถามว่าเธออยากกินอะไร เราก็ไปหามาให้ แต่ก่อนจะยื่นให้เธอเอาไปกิน เราต้องท่องคาถา ว่า........" จึงจุดนี้ ทั้งวง ดูคล้ายดอกไม้กำลังหุบ เพราะทุกคนโน้มหัวมาข้างหน้าอย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องนัดหมาย ฮามาก น้องบอกให้ท่องว่า "...%#&(+=$#@!.." (ขอโทษจริงๆ อันนี้บอกไม่ได้ เพราะถ้ารู้กันเยอะจะไม่ศักดิ์สิทธิ์)

# เชื่อในความรัก เชื่อว่าความรักอันบริสุทธิ์นั้นมอยู่จริง รักแท้มีอยู่จริง ต้องหาให้เจอ (คนที่เสนอว่าเชื่อในความรัก ตอนนี้ท่องคาถามหานิยมตอนให้ของกินได้แล้ว)

# เชื่อว่าตัวเองจะสามารถเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งมากๆ ได้ แล้วก็จะทำงานหาตังค์ได้เยอะๆ เป็นจำนวน 250 ล้านบาท เพื่อจะได้เอาไปซื้อเครื่องบินไอพ่นฮอนด้าเจ็ต ความเชื่อหรือความฝันอันนี้ พี่ๆ ในวงทุกคนเอาใจช่วยนะคะ

# เชื่อในตัวมนุษย์ เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพของตัวเอง มีพลัง สามารถทำอะไรได้มาก เป็นอิสระ

# เชื่อในรูปแบบความสัมพันธ์ที่หลากหลาย มีการแบ่งสเกลความสัมพันธ์จาก 0 ถึง 100 และระบุลักษณะความสัมพันธ์ไม่ได้ เช่น กับเพื่อนบางคน เราอาจรู้สึกลึกซึ้งเกือบเท่าแฟน หรือกับแฟนคนนี้ ก็อาจมีระดับความสัมพันธ์มากหรือน้อยกว่าคนก่อน ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่เท่ากัน

# เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต้องเติมเต็มกันและกัน เป็นเพื่อนกัน ให้ความช่วยเหลือกัน เพราะไม่มีใครสมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง

เป็นต้น

หลังจากคุยกันทุกคนแล้ว เราก็เปลี่ยนบรรยากาศขยับย้ายตัว มาดูละครหุ่นเงาแบบน่ารักๆ กันบ้าง สืบเนื่องจากที่สมาชิกชมรมคนนึงไปเรียนรู้การทำละครหุ่นเงาจากกลุ่มพระจันทร์พเนจรที่เชียงใหม่มาสดๆ ร้อนๆ เราก็เลยมีโชว์เล็กๆ ให้ดู งานนี้ได้น้องอู่ข้าวมาช่วยบีเชิดตัวละคร ซึ่งอิมโพรไวซ์เรื่องกันสนุกมาก จบเรื่องโดยที่ลุงนวลจุดไฟเผาตัวเองเพราะสำนึกผิดที่ตัวเองทำไฟไหม้ป่า หลายคนตื่นเต้นกับละครหุ่นเงา เพราะมันดูน่ารัก ลึกลับ น่าสนใจ บางคนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

เสร็จจากละคร เราก็คุยกันต่อเล็กๆ ว่ามีตติ้งครั้งต่อไปเราจะทำอะไรกันดี
เดือนหน้านี้ชมรมแสงเล็กก็เกิดขึ้นครบ 1 ปีแล้ว เราจึงสรุปว่าจะมีปาร์ตี้เบาๆ แบบไร้แอลกอฮอล์กันที่หอดูดาวนี่แหละ
แล้วในปาร์ตี้ เราจะมาคิดกันอีกทีว่า ชมรมเราจะยังมีอยู่ต่อไปหรือไม่ ถ้ามี มีต่อไปอีกกี่เดือนดี และจะทำอะไรกันบ้าง


แล้วเราก็แยกย้ายกัน ท่ามกลางฝนโปรย
กลับบ้านนอนหลับฝันดี (:


สรุปเหตุการณ์โดย บี
(ขอบคุณวลีที่ช่วยกันนึก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น