สิ่งหนึ่ง(ที่ก็ไม่ได้พิเศษอะไรนักหรอก)เกี่ยวกับเพลงก็คือ คุณไม่ต้องเล่นเครื่องดนตรีอะไรเป็นสักอย่าง และตอนที่คุณร้องเพลง แม้เสียงของคุณจะไม่เอาถั่วเอางาเอาอ่าวอะไรไหนเลย คุณก็สำเริงสำราญกับมันได้
หลายปีก่อนเพื่อนของฉันแนะนำให้ฟังวงร็อควงหนึ่ง บอกย้ำกับฉันว่า “เธอต้องปลาบปลื้มแน่ๆ” พอได้ยินว่าเป็นวงร็อคและเมื่อได้อ่านชื่อวงแล้วฉันก็ร้อง “เหอะ ชั้นไม่ฟังร็อค ชั้นเกลียดเสียงกลอง และชื่อวงอะไรยังง้านน ไม่มีทาง” เห็นไหมว่าการแนะนำให้กันนั้นยาก ต่อให้คะยั้นแล้วคะยออีก ถ้าคนมันจะไม่ฟัง ก็คงจะไม่ นอกเสียจากว่าจะมีอะไรมาดลใจ หรือจับพลัดจับผลูให้ไปฟังเข้าโดยบังเอิญ
หลายเดือนผ่านไปหลังจากนั้น ขณะปล่อยให้ mp3 รันเพลงไปเรื่อยโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรกะมันนัก เยื่อหูชั้นในของฉันก็ถูกกระแทกด้วยเพลงร็อคซึ่งเคยปฏิเสธ และชื่อวงที่อ่านแล้วส่ายหน้า (ก็ฉันไม่ชอบร็อคนี่ – ถึงจะปฏิเสธ แต่ก็เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ เพื่อนให้มาก็จับมันยัดลงไปในเครื่องเสียหน่อย) วงนั้นคือ The Killers
แต่จะบอกว่าร็อคแบบนี้ก็ไม่เลวนะฮะ
โถ! ฉันย้อนกลับไปนึกถึงคำเพื่อน “ปลาบปลื้มแน่” – ฮะ ปลาบปลื้มจนลืมตายไปเลย
จริงล่ะหรือที่ว่ามันคือร็อค เสน่ห์ของ The Killers ก็คือ มันเป็นดนตรีร็อคที่เจือความแร่ด Mr.Brightside คือแทรคแรกที่ได้ฟัง ตอนนั้นฉันไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับวงนี้เลย ไม่รู้ว่ามีสมาชิกกี่คน ไม่รู้ว่าเป็นดนตรีจากฝั่งไหน หลังจากทำความรู้จักกับวงนี้แล้ว ฉันรู้สึกว่าความสำเร็จของ The Killers นั้นกว่าครึ่งหนึ่งของผลนั้นต้องยกความดีความชอบให้ Brandon Flowers นักร้องนำ เขาเป็นคนที่มีบุคลิกเฉพาะบางอย่าง ทั้งเสียงร้องและท่วงท่า ฉันคิดว่ารสแร่ดที่เราได้จากเพลงของ The Killers นั้นมาจาก Flowers เขาเป็นคนใส่รสนี้ลงไป
ลองนึกภาพหนุ่มรูปงามที่แต่งหน้าทาขอบตาเสียดำแล้วครางเพลงร็อค กระแทกส้นจิกปลายเท้าสิ ในตอนนั้นชั้นว่าเค้าเจ๋งและปรี๊ดเอามากๆ
นับจากปี 2004 มาจนวันนี้ The Killers ออกมา 4 ครั้ง จาก Hot fuss สู่ Sam’s Town แทบจะไม่ย้ำอยู่กับที่ แม้ว่า Sawdust ที่ออกมาในช่วงปลาย 2007 นั้น ทำท่าดูเหมือนว่าจะสิ้นฤทธิ์ด้วยการไปหยิบเพลงเก่าของตัวเองมาทำซ้ำในแบบใหม่ หรือหยิบเพลงของวงแกรนๆ อย่าง Joy Division (Shadowplay) และ Dire Straits (Romeo and Juliet) มา cover ใหม่ [Sawdust เป็นอัลบั้มคอลเลคชัน โดยได้แนวคิดมาจากคอลเลคชันอย่าง Hatful of Hollow ของ The Smiths] แต่ฉันกลับคิดว่ามันคล้ายกับพวกเขากำลังหาจุดคลี่คลายบางอย่าง ซึ่งมันก็เป็นทางออกที่ไม่เลวเลย
ฉันคิดว่าจุดเด่นของ The Killers อีกอย่างคือเนื้อร้อง ถ้าลองเอาเพลงมาอ่านก็อาจจะรู้สึกว่ากำลังอ่านบทกวีมากกว่าอ่านเพลง (อันที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอก) เนื่องจากเนื้อร้องมักมีคำเปรียบความเปรียบประหลาดๆ อย่างในแทรค Human นั้น มีประโยคหนึ่งที่เป็นถกเถียงกันมากว่าประโยคนั้น flowers เค้าร้องว่าอะไร ประโยคที่ว่าคือ Are we human / or are we dancer? เป็นที่สงสัยกันมากว่ามันเป็นการใช้คำผิดหลักไวยกรณ์หรือเปล่า มัน dancer หรือ denser กันแน่ (ไปโน่น อันที่จริงฉันว่าเราจะไปตีความเนื้อร้องให้มันได้ถ้วยได้โล่อะไรกันนักนะ ประโยคไหนแปลไม่ออกก็ร้องไปไม่ต้องแปล)
และสุดท้ายพ่อดอกไม้ก็ออกมาให้การด้วยท่าทีเซ็งโลกว่ามันคือ dancer นั่นแหละ ทำไมจะต้องรู้สึกสับสนกันขนาดนั้น เขาบอกว่าเนื้อท่อนนี้เขาได้ความคิดมาจากคำดูถูก (ไม่ขอขยายความนะฮะว่าดูถูกอะไร อย่างไร) พ่อดอกไม้ก็แค่เป็นคนขี้ประชดแค่นั้นเอง และฉันก็มักจะคิดเองเออเองว่า เสน่ห์ของเพลงมันก็ควรเป็นงี้ ประชดแดกดันให้แสบคันบ้าง ไม่ใช่พล่ามถึงแต่เรื่องรักอกหักตะหวักตะบวย คลีเชเหลือเกินฮะ
We’ve seen it all bonfires of trust flash floods of pain....
.........................................
.........................
We hope you enjoyed your stay
It’s good to have you with us, even if it’s just for the day
..........................................................
Outside the sun is shining, seems like heaven ain’t far away
.........................................
Even if it’s just for the day.
MV แร่ดมาก
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบอิซาเบล: เห็นมะบอกแล้วว่าแร่ด
ตอบลบ